สรุปขั้นตอนการอัพเกรด PHP เป็นเวอร์ชั่น 7 แบบคร่าวๆ นะครับ
สำหรับท่านใดที่ใช้ IIS เป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์บนระบบปฏิบัติการ Windows Server 2008 R2 64bit ก็สามารถใช้ขั้นตอนต่อไปนี้ได้เลย ซึ่ง IIS สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows Server 2008 R2 จะได้เป็นเวอร์ชั่น 7.5 และเมื่อติดตั้ง PHP จะได้เวอร์ชั่น PHP 5.3
หลังจากที่ปลายปีที่แล้ว PHP ได้ปล่อยเวอร์ชั่น 7 ออกมา ซึ่งเท่าที่เก็บข้อมูลมาแล้วเห็นว่าประสิทธิภาพดีกว่าทุกรุ่น จึงสนใจที่จะอัพเกรดเป็น PHP 7.0.13 ที่เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด แต่เมื่อดาวน์โหลดมาใช้กลับไม่สามารถสั่งให้เว็บเซิร์ฟเวอร์รันได้ ก็เลยเปลี่ยนเป็นใช้วิธีติดตั้งเวอร์ชั่นที่มีใน Web Platform Installer แทน ซึ่งก็ได้เป็น PHP 7.0.9 มาแทน
สำหรับขั้นตอนการติดตั้ง PHP เวอร์ชั่นอื่นเพิ่มเติมก็มีดังนี้ครับ
1. ติดตั้ง PHP เวอร์ชั่น 7 สำหรับ IIS ผ่านทาง Web Platform Installer
https://sysadmin.psu.ac.th/…/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-u…/
https://sysadmin.psu.ac.th/…/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-u…/
แต่หลังจากตั้งค่าผ่าน PHP Manager ใน IIS จะพบว่ายังไม่สามารถใช้งานได้ เพราะการจะรัน PHP 7.0.x ได้นั้นต้องมี VC14 ด้วย (Visual C++ Redistributable for Visual Studio 2015)
http://comerror.com/runtime-l1-1-0-dll-is-missing.html
แต่การจะติดตั้ง VC14 ได้นั้นระบบปฏิบัติการจะต้องอัพเกรดเป็น Service Pack 1 ก่อน
2. อัพเกรด Windows Server เป็น SP1 (ค้นหาด้วยคำว่า Windows Server 2008 R2 SP1)
>>> https://thaiwinadmin.blogspot.com/2011/02/install-windows-server-2008-r2-sp1.html
3. ติดตั้ง VC14 จะเป็นเวอร์ชั่น Visual C++ Redistributable for Visual Studio 2015
Visual C++ Redistributable for Visual Studio 2015
https://www.microsoft.com/en-us/download/details.aspx?id=48145
หลังจากนั้นก็รันเปลี่ยนเวอร์ชั่นไปมาระหว่าง
5.3 กับ 7.0 ด้วย PHP Manager ใน IIS ได้ตามสะดวก ^^"
ซึ่งตอนนี้ได้ลองทดสอบใน VMWare แล้วผ่านฉลุย
ต่อไปก็จะเป็นขั้นตอนการเปลี่ยนโค้ดจาก PHP 5.3 ไปเป็น PHP 7.0
โดยการไล่แก้คำสั่งหรือฟังก์ชั่นที่ถูกยกเลิกไปแล้ว
ซึ่งงานตรงนี้คงจะใช้เวลาค่อนข้างนานทีเดียว แต่ก็ลดเวลาในส่วนของการจัดการฐานข้อมูลได้หน่อยเพราะผมใช้คลาสที่เขียนแยกเอาไว้ ก็ไม่ต้องไปไล่แก้คำสั่งที่เกี่ยวกับฐานข้อมูลทุกหน้า แค่แก้ที่คลาสที่เดียวก็จบเลย (ตรงนี้แหละครับเป็นจุดที่ผมอยากเปลี่ยนไปใช้ CodeIgntier เพราะเราไม่ต้องแก้อะไรเลย ^^ เวลาเปลี่ยนเวอร์ชั่น PHP หรือเปลี่ยนฐานข้อมูล ถ้าใช้ Class ที่มีอยู่แล้วของ Framework)
ท่านใดที่ใช้ Windows Server ก็ลองสร้าง VM สักตัวแล้วลองทำตามขั้นตอนนี้กันดูนะครับ ^^
-------------
เพิ่มกรณีแก้ไข my.ini เพื่อเปลี่ยน datadir ของ MySQL แล้วไม่สามารถ Start MySQL Service ได้
กรณีในโฟลเดอร์ data ของ MySQL ตัวที่ติดตั้งใหม่ไม่มี 3 ไฟล์นี้ ให้ย้าย 3 ไฟล์นี้ออกไปที่อื่น (เก็บเป็น BACKUP เอาไว้ป้องกันมีปัญหาต้องการนำกลับมาใหม่)
เมื่อย้าย 3 ไฟล์นี้ออกไปแล้วลอง Start Service อีกครั้ง จะสามารถรันได้ปกติ
PHP CI MANIA - PHP Code Generator
ซึ่งงานตรงนี้คงจะใช้เวลาค่อนข้างนานทีเดียว แต่ก็ลดเวลาในส่วนของการจัดการฐานข้อมูลได้หน่อยเพราะผมใช้คลาสที่เขียนแยกเอาไว้ ก็ไม่ต้องไปไล่แก้คำสั่งที่เกี่ยวกับฐานข้อมูลทุกหน้า แค่แก้ที่คลาสที่เดียวก็จบเลย (ตรงนี้แหละครับเป็นจุดที่ผมอยากเปลี่ยนไปใช้ CodeIgntier เพราะเราไม่ต้องแก้อะไรเลย ^^ เวลาเปลี่ยนเวอร์ชั่น PHP หรือเปลี่ยนฐานข้อมูล ถ้าใช้ Class ที่มีอยู่แล้วของ Framework)
ท่านใดที่ใช้ Windows Server ก็ลองสร้าง VM สักตัวแล้วลองทำตามขั้นตอนนี้กันดูนะครับ ^^
-------------
เพิ่มกรณีแก้ไข my.ini เพื่อเปลี่ยน datadir ของ MySQL แล้วไม่สามารถ Start MySQL Service ได้
กรณีในโฟลเดอร์ data ของ MySQL ตัวที่ติดตั้งใหม่ไม่มี 3 ไฟล์นี้ ให้ย้าย 3 ไฟล์นี้ออกไปที่อื่น (เก็บเป็น BACKUP เอาไว้ป้องกันมีปัญหาต้องการนำกลับมาใหม่)
เมื่อย้าย 3 ไฟล์นี้ออกไปแล้วลอง Start Service อีกครั้ง จะสามารถรันได้ปกติ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น